ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligence) ของโฮวาร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Gardner) ในกิจกรรมการเดินทางไกลและอยู่ค่ายพักแรม
ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ ได้แก่ ให้ทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายที่ใช้ในการเตรียมอุปกรณ์หรือจัดเตรียมเสบียงการเดินทางไกลและอยู่ค่ายพักแรม
ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ ได้แก่ การอ่านแผนที่ในการเดินทางไกล การทำ Mind mapping ประสบการณ์ที่ได้รับ
ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว ได้แก่ การได้เดินทางไกล การแสดงรอบกองไฟ (การแสดงละคร การเต้นรำ) การออกกำลังกายตอนเช้า การเล่นเกมตามฐานต่าง ๆ
ปัญญาด้านดนตรี ได้แก่ การร้องเพลง นันทนาการทางด้านดนตรี ให้แต่เพลงเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้รับ
ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ ได้แก่ การเดินทางเป็นหมู่คณะ การร่วมกันทำและรับประทานอาหารในค่าย การทำงานเป็นหมู่คณะ
ปัญญาด้านตนหรือการเข้าใจตนเอง ได้แก่ การทำสังคมมิติหลังจากการเดินทางไกลและอยู่ค่ายพักแรมเสร็จสิ้น (ใครมีน้ำใจ ใครมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อน ใครเห็นแก่ตัว) ฝึกการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ฝึกการมีวินัย เสียสละ อดทน
ปัญญาในการเข้าใจสภาพธรรมชาติ ได้แก่ การให้เขียนชื่อต้นไม้ ดอกไม้ ที่พบระหว่างการเรียนทางไกล ให้บรรยายสภาพบรรยากาศ สภาพของป่าไม้ที่พบระหว่างทาง
ตัวอย่างการจัดการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากประสบการณ์ที่เคยใช้ในห้องเรียน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ทางด้านพหุปัญญา (Multiple Intelligences Theory of learning) ตามทฤษฎีของการ์ดเนอร์ (Howard Gardner) 8 ด้าน ดังนี้
1. ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligences) กล่าวคือ
ที่โรงเรียนจะใช้วิธีการให้นักเรียนเดินเรียนตามห้องเรียนต่าง ๆ ในแต่ละชั่วโมง โดยครูจะนั่งประจำอยู่ที่ห้องเรียน
ก่อนครูจะทำการสอน ถ้ามีนักเรียนส่วนใหญ่มาถึงที่ห้องเรียนแล้ว และระหว่างรอนักเรียนบางส่วนที่กำลังเดินทางมา เพื่อไม่ให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ครูก็จะเปิดคลิปเสียง หรือไม่ก็คลิปวีดีโอ หรือสื่อต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจที่มีเนื้อเรื่องความยาวไม่เกิน 10 นาที สามารถดาวน์โหลดได้จาก YouTube หรือเว็บต่าง ๆ หรือเปิดให้นักเรียนดูแบบออนไลน์ (ถ้าวันนั้นอินเตอร์เน็ตที่โรงเรียนไม่มีปัญหา) ได้แก่ คลิปวีดีโอและคลิปเสียงบรรยายธรรมะของท่าน ว.วชิรเมธี ที่ได้จัดทำไว้ให้ผู้ที่สนใจศึกษาธรรมะได้ดาวน์โหลดกันแบบฟรี ๆ, นิทานธรรมะสอนคุณธรรมที่อยู่ในรูปของคลิปวีดีโอการ์ตูน animation, คลิปการรณรงค์ต่าง ๆ จาก สสส เช่น เกี่ยวกับความสามัคคี ความพอเพียง วันพ่อ วันแม่ งดเหล้าเข้าพรรษา เลิกเหล้าเลิกจน การไม่สูบบุหรี่ เป็นต้น
วิธีการนี้ทำให้ผู้เรียนได้ฝึกการดู การฟัง การคิด การวิเคราะห์ตีความทางภาษา (โดยเฉพาะภาษาธรรมะ) สำรวจพฤติกรรมของตน จนกระทั่งนำสิ่งที่ฟังหรือดูไปประยุกต์ใช้ในอนาคต เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนให้เป็นไปในทางที่ดีต่อไป ถือเป็นการเป็นสอดแทรกคุณธรรมและจริยธรรมในรายวิชาคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียนโดยที่ไม่รู้ตัวอีกด้วย (แบบเนียน ๆ )
(ถ้ารายการเสียงตามสายในโรงเรียนนำคลิปเสียงบรรยายธรรมะที่น่าสนใจไปเปิดแทรกในการจัดรายการประมาณสัก 5 – 10 นาที คงจะมีส่วนช่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดีของนักเรียนในโรงเรียนได้บ้าง และคงจะดีกว่าการที่ครูเวรมาอบรมสั่งสอนนักเรียนในตอนเช้า เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตั้งใจฟัง และตอนเช้าแดดค่อนข้างร้อนทุกคนก็ร้อน)
และได้แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน ให้แต่ละกลุ่มแต่งโจทย์คณิตศาสตร์ในเรื่องที่ได้เรียนมา โดย
- แต่งโจทย์เลียนแบบตัวอย่าง
- แต่งโจทย์ให้แตกต่างจากตัวอย่าง
- แต่งโจทย์ให้เป็นวรรณกรรมทางคณิตศาสตร์ที่มีภาพประกอบกันเป็นเรื่องราว
ให้นักเรียนที่เรียนชุมนุมคณิตศาสตร์ ทำการศึกษาค้นคว้าจัดทำบัญชีคำศัพท์คณิตศาสตร์ (ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ) และจัดทำบัญชีสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ ที่ได้เรียนมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
2. ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical – Mathematical Intelligences) กล่าวคือ
ในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 นั้น ระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนการสอนนั้น ได้ดำเนินการสอนผู้เรียนใช้กระบวนการคิดทางคณิตศาสตร์ ได้แก่
กระบวนการสร้างทักษะคำนวณ
1. ตรวจสอบความคิดรวบยอด
2. สรุปเรื่องเป็นกฎ สูตร ทฤษฎี
3. ฝึกการใช้กฎ
4. ปรับปรุงแก้ไข
กระบวนการแก้โจทย์ปัญหา
1. วิเคราะห์โจทย์
2. กำหนดขั้นตอนปฏิบัติ
3. ลงมือปฏิบัติ
4. ตรวจสอบคำตอบ
3. ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Visual – Spatial Intelligences) กล่าวคือ
ในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการหาค่าของฟังก์ชันโกณมิติอย่างง่าย ได้สอนให้ผู้เรียนนึกภาพ หรือวาดภาพเส้นทางของรัศมีในการวัดมุมบนระบบพิกัดฉากภายในควอดรันด์ที่ 1 – 4 แล้วจะสามารถหาค่าของฟังก์ชันดังกล่าวได้ นอกจากนี้ยังให้นักเรียนทำ Mind mapping ขั้นตอนในการทำโจทย์คณิตศาสตร์บางเรื่องที่มีความซับซ้อน
4. ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily – Kinesthetic Intelligences) กล่าวคือ
ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 บทที่ 2 เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น หัวข้อการแจกแจงความถี่ของข้อมูล ได้แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน ให้ออกไปสำรวจจำนวนของวัตถุ หรือสิ่งของที่มีอยู่ภายในบริเวณโรงเรียน ในช่วงเวลาที่กำหนด พร้อมทั้งแสดงความรู้สึก หรือความคิดเห็นต่อจำนวนที่ได้ทำการสำรวจ เช่น จำนวนรถจักยานยนต์ที่จอดอยู่ภายนอกโรงรถ จำนวนชิ้นขยะที่ถูกทิ้งอยู่ที่โรงอาหาร จำนวนรถยนต์พร้อมทั้งจำแนกตามยี่ห้อ หรือตามสี จำนวนต้นไม้จำแนกตามชนิด จำนวนของนักเรียนที่นั่งอยู่ที่โรงอาหารในช่วงเวลาเรียน จำนวนของนักเรียนที่เล่นกีฬาในช่วงตอนพักเที่ยงจำแนกตามประเภท เป็นต้น
5. ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligences) กล่าวคือ
ได้แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน ให้แต่ละกลุ่มแต่งเพลงโดยมีเงื่อนไขว่าในเนื้อเพลงต้องมีสูตรคณิตศาสตร์แทรกอยู่ด้วย
นอกจากนี้ยังได้อาศัยดนตรีเป็น background ในระหว่างที่นักเรียนทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ โดยครูจะได้เปิด “The Mozart Effect” (ดนตรี Mozart เพื่อพัฒนาศักยภาพสมอง) ที่เรียบเรียงใหม่โดย ดอน แคมป์เบลล์ Volume 4 Focus And Clarity (ดนตรีเพื่อสร้างสมาธิในการเรียนและการทำงาน) จากที่ได้ทำการเปิดให้นักเรียนฟัง สังเกตพบว่านักเรียนมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น
6. ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligences) กล่าวคือ
ได้แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน โดยสมาชิกแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะเรียนรู้เนื้อหา วิธีการทำแบบฝึกหัดที่ครูสั่งให้ทำ เพราะถ้าครูสุ่มให้สมาชิกคนใดคนหนึ่งในกลุ่มออกไปทำแบบฝึกหัดที่หน้าชั้นเรียน แล้วสมาชิกคนนั้นต้องสามารถทำ และอธิบายวิธีการทำได้ วิธีการนี้จะทำให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีความรับผิดชอบร่วมกัน นักเรียนที่เก่งจะต้องช่วยสอนเพื่อนที่อ่อนกว่า ทำให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์กันภายในกลุ่ม
เมื่อนักเรียนในแต่ละกลุ่มทำแบบฝึกหัดเสร็จแล้ว ครูก็จะอธิบายเพิ่มเติมจากวิธีการทำของนักเรียน เพื่อเป็นการเน้นย้ำความเข้าใจของนักเรียนอีกครั้งหนึ่ง
7. ปัญญาด้านตนหรือการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligences) กล่าวคือ
ในบางเนื้อหาที่ง่ายต่อการเรียนรู้ก็จะให้นักเรียนได้ศึกษาด้วยตนเองโดยใช้หนังสือเล่มเล็กสำหรับเป็นเอกสารประกอบการสอนเป็นรายชั่วโมงที่จัดทำเป็นเรื่อง ๆ ตามเนื้อหาที่หลักสูตรกำหนดไว้ และได้แบ่งเนื้อหาออกเป็นรายชั่วโมง โดยได้ดำเนินการเขียนเพิ่มเติมเนื้อหา รูปภาพ รายละเอียด เทคนิค วิธีการคิด ให้ง่ายต่อการเรียนรู้ และทบทวนความรู้พื้นฐานเดิมในบางเรื่อง มีขนาดเล็ก อ่านจบเร็ว ทำให้เกิดแรงจูงใจในการศึกษาค้นคว้า ใฝ่รู้ใฝ่เรียน
อีกทั้งในเอกสารประกอบการสอนเป็นรายชั่วโมงจะมีเนื้อหาและแบบฝึกหัดพร้อมเฉลย ให้ผู้เรียนได้ศึกษาและตรวจสอบผลการทำแบบฝึกหัดด้วยตนเอง
นอกจากนี้ยังให้นักเรียนทำสังคมมิติภายในกลุ่ม ให้นักเรียนภายในกลุ่มตอบคำถาม เช่น ฉันอยากอยู่กลุ่มกับใคร ใครเป็นผู้มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือเพื่อน ใครไม่ช่วยเพื่อนทำงาน ใครคุยเก่ง เพื่อเป็นการให้นักเรียนได้รู้จักตนเอง และพัฒนาปรับปรุงตนเองให้มีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ต่อไป
จากการทำสังคมมิติ จะพบว่าสังคมมิติเป็นเครื่องมือที่ช่วยในศึกษานักเรียนเป็นรายบุคคล โดยการจัดสถานภาพทางสังคม หรือการจัดให้นักเรียนแต่ละคนมีหน้าที่ความรับผิดชอบ และได้เรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่มทำให้ทราบถึงสภาพหรือความสัมพันธ์ของนักเรียนที่อยู่สังคมเดียวกัน หรือกลุ่มเดียวกัน ทำให้ทราบถึงบุคลิกภาพของนักเรียนที่มีผลต่อสภาพสังคมรอบ ๆ ทำให้ทราบความรู้สึกของนักเรียนแต่ละคนที่มีต่อเพื่อนร่วมกลุ่มของตน
8. ปัญญาในการเข้าใจสภาพธรรมชาติ (Naturalist Intelligences) กล่าวคือ
ให้นักเรียนที่เรียนชุมนุมคณิตศาสตร์ ได้สำรวจคณิตศาสตร์ในธรรมชาติที่นักเรียนสามารถสังเกตเห็น เช่น- การสมมาตรของใบไม้ ใบหน้าของคนหรือสัตว์ ตัวผีเสื้อ
- อัตราส่วนของดอกไม้กับต้นของดอกไม้ในแต่ละชนิด
- อัตราส่วนของข้อมือกับนิ้วมือของคน
- อัตราส่วนของข้อศอกกับแขนของคน
ฯลฯ
นอกจากการใช้ทฤษฎีพหุปัญญาแล้ว ยังได้ประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเสริมแรง ของสกินเนอร์ (Skinner) อีกด้วย กล่าวคือ
เมื่อนักเรียนทำความดีก็จะได้รับการบันทึกคะแนนของความดีนั้นลงในบัญชีการทำความดีของห้องเรียน โดยจะทำการสะสมคะแนนไปเรื่อย ๆ เพื่อเก็บไว้เป็นส่วนลดปริมาณการทำงานที่ต้องทำซ่อมในกรณีที่นักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำในผลการเรียนรู้ที่คาดหวังบางข้อหรือบางชั่วโมง และนักเรียนสามารถตรวจสอบคะแนนของตนได้ตลอดเวลา
กิจกรรมการทำความดีที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ได้แก่
- การร่วมกันทำความสะอาดห้องเรียนในแต่ละวันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน โดยสมาชิกในกลุ่มจะแบ่งหน้าที่กันคือ ลบกระดานและจัดโต๊ะจำนวน 1 คน กวาดและถูพื้นห้องจำนวน 4 คน เทถังขยะจำนวน 1 คน
- การตั้งคำถามและการตอบคำถามที่เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนในแต่ละชั่วโมงในระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในห้องเรียนอาจเป็นกลุ่มหรือรายบุคคลก็ได้
- การศึกษาค้นคว้าทางคณิตศาสตร์โดยการหาโจทย์ที่นักเรียนสนใจมานำเสนอที่ป้ายนิเทศในห้องเรียน
ในกรณีที่นักเรียนห้องใดที่ไม่มีความสนใจ ตั้งใจเรียน และมีชื่อเสียงทางด้านการหนีเรียน ครูก็จะใช้วิธีการสอนโดยให้ทำงานส่งท้ายชั่วโมงทุกชั่วโมง ครูจะต้องเช็คชื่อนักเรียนตามชิ้นงานที่ส่งเท่านั้น และทุกชิ้นงานจะมีคะแนน วิธีนี้ครูต้องมีความขยันเอาใจใส่ในการตรวจชิ้นงานของนักเรียนเป็นพิเศษ ที่ผ่านมาวิธีนี้มีความจำเป็นที่จะต้องนำไปใช้กับนักเรียนที่เรียนในแผนการเรียนทั่วไป
จากการนำวิธีนี้ไปใช้ ปรากฏว่านักเรียนไม่หนีเรียน มีความกระตือรือร้นในการเรียน และตั้งใจทำงานมากขึ้น เพราะชิ้นงานที่ส่งมีผลสะท้อนเสมอ
ให้นักเรียนได้ใช้การวิจัยเป็นฐานในการเรียนรู้ มาประยุกต์ใช้ในระดับที่ตนสอน กล่าวคือ
ให้นักเรียนได้จัดทำโครงงานตามความสนใจ ในลักษณะของงานวิจัยขนาดเล็ก ที่ประกอบด้วยเนื้อหา 5 บท เหมือนงานวิจัยทั่วไปคือ ความเป็นมาของปัญหา เอกสารและเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลการศึกษาค้นคว้า ซึ่งเป็นโครงงาน
เชิงสำรวจ โดยการประยุกต์ใช้ความรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ พื้นฐาน ภาคเรียนที่ 2 บทที่ 3 เรื่องการสำรวจความคิดเห็น ให้นักเรียนทำเป็นกลุ่ม โดยแบ่งเป็นกลุ่มละ 6 คน และได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง วิเคราะห์ข้อมูลคนละระดับชั้นตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้มาสรุปเป็นค่าเฉลี่ยรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง จนได้ข้อมูลรวมทั้งโรงเรียน ถ้ามีเรื่องใดที่นักเรียนทำการสำรวจและเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อทางโรงเรียน ครูจะนำรายชื่อนักเรียนกลุ่มนั้นและผลการสำรวจความคิดเห็นเสนอต่อฝ่ายบริหารให้พิจารณาใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ได้ต่อไป
ได้สอนโดยการบูรณาการวิชาคณิตศาสตร์กับวิชาศิลปะ กล่าวคือ
- ครูได้ให้นักเรียนบูรณาการรายวิชาศิลปะกับการเขียนสูตรคณิตศาสตร์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “สูตร Art” นักเรียนได้นำลายไทยมาประดิษฐ์เป็นสูตรคณิตศาสตร์ บ้างก็ดัดแปลงเป็นรูปการ์ตูน ตามจินตนาการ แล้วตกแต่งใส่สีสันอย่างสวยงาม จะพบว่านักเรียนแต่ละคนจะมีความคิดสร้างสรรค์แตกต่างกันไปตามความสามารถและความแตกต่างระหว่างบุคคล ถ้าผลงานนักเรียนคนใดอยู่ในระดับดีครูก็จะติดโชว์ไว้ที่ป้ายแสดงผลงานในห้องเรียน จากนั้นครูก็ทำเป็นคลิปวิดีโอรวมสูตรที่อยู่ในระดับดีแล้ว Upload ไปโชว์ไว้ที่ YouTube (http://www.youtube.com/bomeryy) เพื่อให้เพื่อนและผู้อื่นได้ชื่นชมต่อไป
ตัวอย่างผลงานของนักเรียนในการบูรณาการรายวิชาศิลปะกับการเขียนสูตรคณิตศาสตร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น