เจ้ากบออกเดินทางมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก เพื่อแสวงหาเส้นขอบฟ้าของทะเลสีครามซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยฝันไว้ว่าจะไปใช้ ชีวิตอยู่ที่นั้น
ส่วนเจ้านกบินมุ่งหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลทางทิศตะวันออก เพื่อเดินทางแสวงหาสายรุ้งหลากสีซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยฝันไว้ว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น
เจ้ากบเดินทางไปได้ 3 วัน 2 คืน ก็รู้สึกเหนื่อยและท้อเป็นอย่างมาก มันจึงเข้าไปหลบแดดหลบฝนในกะลาเก่า ๆ ใบหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้อยู่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง ระหว่างที่มันนอนพักมันก็คิดไปพลางรำพึงไปพลาง “เราจะเสียเวลา แรงกาย แรงใจ แสวงหาเส้นขอบฟ้าของทะเลสีครามไปใย ในเมื่อเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ไกลเพียงใด และมันมีอยู่จริงหรือไม่ มันอาจจะเกินความสามารถที่เราจะเดินทางไขว่คว้า พอที พอที ในเมื่อตอนนี้เราสุดแสนเหนื่อยล้าเต็มทน จวนเจียนแทบขาดใจ” มันสอดส่ายสายตาสำรวจกะลาใบนั้นไปรอบ ๆ ในใจคิดว่า “กะลาใบนี้ก็ใหญ่ดี พอที่จะให้เราพักอาศัยได้จวบจนสิ้นอายุขัย แถมยังใกล้แหล่งน้ำอีกต่างหาก อาหารการกินคงจะอุดมสมบูรณ์ ถ้าเช่นนี้แล้ว…เราจะกระเสือกกระสนไล่ตามความฝันไปใยไปให้เหนื่อยเปล่า”
ส่วนเจ้านกนั้นขณะที่บินมุ่งหน้าหาสายรุ้งหลากสีใจก็คิดว่า “เราเกิดมาเป็นนก มองอะไรอย่ามองแค่ในระดับสายตา ให้มองเหนือระดับสายตาเข้าไว้ ต้องรู้จักบินให้สูง” เจ้านกบินมาสูงมากแต่ด้วยความเมื่อยล้า และบนท้องฟ้าหามีกิ่งไม้ให้เกาะพักไม่ มันคิดจะบินลงไปพัก ณ กิ่งไม้เบื้องล่าง แต่มันไม่ทำ เพราะมันได้บินมาไกลแล้ว ไกลเกินกว่าจะบินลงสู่ที่ต่ำ ตอนนี้มันฝืนใจ ฝืนกายบิน บิน และก็บินไปเรื่อย ๆ เพื่อไปให้ถึงสิ่งที่มันตั้งใจวาดฝันไว้ แต่อนิจจา ปีกของมันอ่อนล้า ไม่สามารถบินต่อไปได้
พลัน ! ร่างของเจ้านกน้อยก็ร่วงลงสู่พื้นดินใกล้ ๆ กับกะลาของเจ้ากบพอดี ประจวบเหมาะกับเจ้ากบซึ่งกำลังออกมาหาอาหารกินไปวัน ๆ
เมื่อเจ้ากบได้พบกับเพื่อนเก่าที่กำลังปีกหักและจะสิ้นลม มันจึงเอยกับเจ้านกว่า “โอ้ ! เจ้านกปีกหักเพื่อนยากของข้าเอ๋ยเจ้าไม่น่าโง่งี่เง่า กระเสือกกระสน ไขว้คว้า ไล่ล่าตามความฝันที่อยู่สูงสุดเอื้อมเลย ตอนนี้เจ้าเห็นไหมว่าข้าสุดแสนสบาย พักอยู่ในกะลาไม่เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ ไล่ตามความฝัน เฉกเช่นเจ้าที่กำลังจะสิ้นลม”
เจ้านกบอกเจ้ากบว่า “ถึงแม้ปีกเราจะหัก ตกลงสู่ผืนดิน อย่างน้อยที่สุดเราก็ได้พยายามบินด้วยปีกของเราขึ้นไปสู่ที่สูงที่สุดใน ชีวิต ถึงแม้จะเป็นการบินครั้งสุดท้าย เราขอยอมตายดีกว่าละทิ้งความฝัน ผู้ที่ละทิ้งความฝันไม่ต่างอะไรกับผู้ที่ได้ตายไปแล้ว ส่วนเจ้าเอาแต่อยู่ในกะลา ไม่เคยคิดที่จะกระโดดออกสู่โลกกว้างไล่ตามความฝัน เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ที่ตายแล้วอยู่ในหลุมฝังศพ”
เมื่อสิ้นประโยคสุดท้ายเจ้านกก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลทางทิศ ตะวันออก เพื่อเดินทางแสวงหาสายรุ้งหลากสี ซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยฝันไว้ว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั้น และปล่อยให้เจ้ากบอยู่กับร่างอันไร้วิญญาณของมันพร้อมกับกะลาที่เจ้ากบพอใจ
ถ้าเป็นคุณ...จะเลือกเป็นอย่างนกหรือกบดี ?
******************
จากนิทานดังกล่าวได้นำมาเลยเป็นนวัตกรรมเล็ก ๆ สำหรับนักเรียนที่น่ารักของครูบ๋อม clip ช่วยจำสูตรตรีโกณิมิติ 20 กว่าสูตร (นิทาน) แต่ข้อเสียของงานนี้คือ ถ้าจะทำนิทาน หรือแต่งเรื่องสำหรับเด็ก ต้องไม่เศร้า แต่เรื่องมีเศร้าปนอยู่มากทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น